นโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน

Whistle Blowing Policy

ทางบริษัทได้มีการประกาศเจตนารมย์ในการเข้าร่วมแนวร่วมต่อต้านคอร์รัปชันของภาคเอกชนไทย

บริษัทมีความมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ซื่อสัตย์ และ มีจริยธรรม การจัดทำนโยบาย ต่อต้านคอร์รัปชันฉบับนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความโปร่งใสในองค์กร เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินธุรกิจได้ อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน สร้างความไว้วางใจให้กับลูกค้า คู่ค้า และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงสร้าง วัฒนธรรมองค์กรให้ยึดมั่นในความโปร่งใส

การสร้างวัฒนธรรมที่เน้นความโปร่งใสจะช่วยให้พนักงานทุกคนในองค์กรปฏิบัติตามมาตรฐาน จริยธรรมและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมและการให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องจะช่วยให้พนักงานสามารถปฏิบัติตามนโยบายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้การส่งเสริมให้พนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรายงานเหตุการณ์ที่สงสัยว่าเป็นการคอร์รัปชันและสนับสนุนการสอบสวนอย่างเป็นธรรมจะช่วยเสริมสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ปลอดภัยและน่าไว้วางใจสำหรับทุกคนในองค์กร

หลักการ

  1. ทุกกระบวนการทำงานต้องมีความโปร่งใส สามารถตรวจสอบได้เพื่อป้องกันการคอร์รัปชัน
  2. กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานของบริษัทจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายและนโยบายต่อต้าน
    คอร์รัปชันอย่างเคร่งครัด
  3. ส่งเสริมให้กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานมีส่วนร่วมในการป้องกันคอร์รัปชันและรายงานการ
    แจ้งเบาะแสและส่งเสริมให้มีวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่ยอมรับการคอร์รัปชันในทุกรูปแบบ
  4. บริษัทจัดให้มีระบบการควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสี่ยงจากการคอร์รัปชัน
  5. บริษัทจัดให้มีการสอบทานการปฏิบัติงานให้เป็นไปตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันเป็นประจำ
    ทุก 3 ปี

คำนิยาม

สินบน หมายถึง ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดที่เสนอว่าจะให้ สัญญาว่าจะให้ มอบให้ การยอมรับ การให้ หรือการร้องขอสิ่งใดสิ่งหนึ่ง อันส่งผลต่อการตัดสินอย่างใดอย่างหนึ่งในลักษณะจูงใจให้กระทำการหรือไม่กระทำการที่ขัดต่อหน้าที่ความรับผิดชอบ

คอร์รัปชัน หมายถึง การใช้อำนาจสาธารณะที่มิชอบเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรือการให้สินบน และความประพฤติทั้งหลายของบุคคลซึ่งได้รับมอบหมายหน้าที่และความรับผิดชอบในภาครัฐหรือเอกชน ประพฤติที่ฝ่าฝืนหน้าที่ของตนโดยไม่สมควรกับตำแหน่งหน้าที่ของตนในฐานะเจ้าพนักงานแห่งรัฐเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานเอกชน ตัวแทนหรือฐานะความสัมพันธ์อื่น ๆ โดยมุ่งประสงค์ให้ได้รับประโยชน์ใด ๆ โดยมิชอบ สำหรับตนเองหรือผู้อื่น

เจ้าหน้าที่รัฐ หมายถึง ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นซึ่งมี ตำแหน่ง หรือเงินเดือนประจำพนักงานหรือบุคคลผู้ปฏิบัติงานในรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานของรัฐ ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่นซึ่งมิใช่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เจ้าพนักงานตามกฎหมายว่าด้วยลักษณะปกครองท้องที่และให้หมายความรวมถึงกรรมการ อนุกรรมการ ลูกจ้างของส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ หน่วยงานของรัฐ และบุคคลหรือคณะบุคคลซึ่งใช้อำนาจหรือได้รับมอบให้ใช้อำนาจทางการปกครองของรัฐในการดำเนินการอย่างใดอย่างหนึ่งตามกฎหมายไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งขึ้นในระบบราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือ กิจการอื่นของรัฐ

คู่ค้า หมายถึง ผู้ขายสินค้าหรือผู้บริการ ผู้รับจ้าง ผู้ให้สัญญา และ/หรือผู้ให้บริการ ทั้งที่เป็นนิติ บุคคล และบุคคลธรรมดาแก่บริษัท

ของขวัญ หมายถึง สิ่งของใดๆ ที่มูลค่าทางการเงินซึ่งรวมถึงทรัพย์สินสิ่งที่ใช้ทดแทนเงินสดสิ่งที่
ใช้แลกเปลี่ยนเป็นสินค้าหรือบริการ

การให้ของขวัญ หมายถึง การให้ของขวัญ ของที่ระลึก หรือทรัพย์สินอื่นใด ตามขนบธรรมเนียม ประเพณีนิยมหรือประเพณีของท้องถิ่นและหมายความรวมถึงโอกาสในการแสดงความยินดีการแสดงความขอบคุณ
การแสดงความเสียใจหรือการแสดงออกเพื่อแสดงถึงมิตรไมตรีและความสัมพันธ์อันดีที่มีต่อกัน

การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ หมายถึง การใช้จ่ายสำหรับการเลี้ยงรับรองทางธุรกิจ อาทิการเลี้ยงรับรองเป็นอาหารและเครื่องดื่ม การเลี้ยงรับรองในรูปแบบการกีฬาและการใช้จ่ายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการปฏิบัติทางธุรกิจหรือเป็นจารีตทางการค้า

การสนับสนุน หมายถึง เงินหรือทรัพย์สินของบริษัท ที่บริษัทสนับสนุนให้วัตถุประสงค์ของโครงการประสบผลสำเร็จตลอดจนเพื่อธุรกิจภาพลักษณ์ที่ดีและชื่อเสียงของบริษัท โดยมิได้เป็นไปเพื่อคาดหวังผลประโยชน์ที่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นการคอร์รัปชัน

การบริจาค หมายถึง เงินหรือทรัพย์สินที่บริษัทบริจาคเพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ โดยมิได้เป็นไปเพื่อคาดหวังผลประโยชน์ที่อาจพิจารณาได้ว่าเป็นการคอร์รัปชัน

ผู้มีส่วนได้เสียภายนอก หมายถึง บุคคล กลุ่มคน หรือหน่วยงานที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการตัดสินใจขของบริษัท ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อเป้าหมายและความสำเร็จของบริษัทฯ ได้ ผู้มีส่วนได้เสียภายนอกยังหมายถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากกระบวนการตัดสินใจของบริษัทฯ และผู้ที่มีความสนใจต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทด้วย

ตัวแทนหรือผู้จัดจำหน่าย ตัวแทน หมายถึง ผู้ที่มีอำนาจตามกฎหมายในการกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ในนามบุคคลอื่น เช่น บริษัทมีนโยบายแต่งตั้งตัวแทนอย่างเป็นทางการเพื่อบุกเบิกตลาดค้าปลีก

ค่าอำนวยความสะดวก หมายถึง ค่าใช้จ่ายจำนวนเล็กน้อยที่จ่ายแก่เจ้าหน้าที่ของรัฐอย่างไม่เป็นทางการและเป็นการให้เพียงเพื่อให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐจะดำเนินการตามกระบวนการหรือเป็นการกระตุ้นให้ดำเนินการรวดเร็วขึ้นโดยกระบวนการนั้นไม่ต้องอาศัยดุลพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

หน้าที่และความรับผิดชอบ

  1. คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการกำกับดูแลการต่อต้านคอร์รัปชันของบริษัทในภาพรวมตลอดจนกำหนดและพิจารณาอนุมัตินโยบายและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องกับการต่อต้าน คอร์รัปชันรวมทั้งให้ความสำคัญและสนับสนุนให้มีระบบการต่อต้านคอร์รัปชันที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้มั่นใจว่าฝ่ายจัดการตระหนักถึงความสำคัญและปลูกฝังจนเป็นวัฒนธรรมองค์กร
  2. คณะกรรมการตรวจสอบมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการกำกับดูแลระบบควบคุมภายในระบบ บัญชีและรายงานทางการเงินรวมถึงกระบวนการอื่นใดที่เกี่ยวข้องตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน
    แนวปฏิบัติและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่ากระบวนการต่างๆ มีระบบควบคุมภายในมีประสิทธิภาพ เพียงพอ เหมาะสม สามารถป้องกันความเสี่ยงในการเกิดการคอร์รัปชันได้
    (ถ้ามีกรรมการตรวจสอบ)
  3. หน่วยงานตรวจสอบภายในมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการตรวจสอบและสอบทานระบบควบคุม ภายในของบริษัทให้เป็นไปตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันและแนวปฏิบัติรวมถึงข้อกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง ตลอดจนตรวจสอบการร้องเรียนเกี่ยวกับการคอร์รัปชันเพื่อให้มั่นใจว่าบริษัทมีระบบควบคุมภายในที่มีประสิทธิภาพเพียงพอเหมาะสมสามารถป้องกันความเสี่ยงในการเกิดการคอร์รัปชันได้รวมถึงรายงานผลการตรวจสอบต่อผู้บริหารระดับสูงและคณะกรรมการตรวจสอบ
    (ถ้ามีหน่วยงานตรวจสอบ ภายใน)
  4. ผู้บริหารมีหน้าที่และความรับผิดชอบในการสื่อสารนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันและนำไปปฏิบัติรวมถึงจัดให้มีระบบควบคุมภายใน ในแต่ละกระบวนการทำงานเพื่อป้องกันความเสี่ยงการคอร์รัปชัน
    จัดให้มีฝึกอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องแก่บุคลากรของบริษัทในทุกระดับเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจสามารถนำนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันไปดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพรวมถึงทบทวนนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันและแนวปฎิบัติให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ หลักเกณฑ์ และข้อกฎหมาย

หลักปฏิบัติในการต่อต้านคอร์รัปชันตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน

  1. กำหนดให้กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัททุกระดับ ปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน และห้ามมิให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทยอมรับการคอร์รัปชันทุกรูปแบบ
    ทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าจะเป็นการให้/รับเงิน สิ่งของ ของขวัญ การเลี้ยงรับรอง การบริจาค
    การสนับสนุนหน่วยงานรัฐ การช่วยเหลือทางการเมืองและผลประโยชน์อื่นใด เพื่อการแสวงหาผลประโยชน์จากบุคคลที่ทำธุรกิจกับบริษัท
  2. บริษัทกำหนดให้ทุกฝ่ายงานมีมาตรการในการป้องกันการคอร์รัปชันเพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันและแนวปฏิบัติรวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องมีการปรับปรุง ทบทวน แก้ไขระบบและมาตรการต่าง ๆ ให้มีความสอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของธุรกิจ รวมทั้งมีการประเมิน
    ความเสี่ยงการคอร์รัปชันเป็นระยะเพื่อหาวิธีการป้องกันและแก้ไขอย่างเหมาะสม
  3. กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานบริษัท ต้องไม่ละเลยหรือเพิกเฉยเมื่อพบเห็นการกระทำที่เข้าข่าย การคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับบริษัทโดยแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องทราบ ทั้งนี้หากมีข้อ สงสัยหรือข้อซักถามเกี่ยวกับนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน ให้ปรึกษาผู้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
  4. บริษัทกำหนดให้มีช่องทางในการแจ้งเบาะแสกรณีพบเห็นการกระทำที่เข้าข่ายการคอร์รัปชัน
    ที่เกี่ยวข้องกับบริษัททั้งจากพนักงานภายในบริษัทและจากบุคคลภายนอก โดยบริษัทจะให้ความเป็นธรรมและคุ้มครองสิทธิของผู้ให้ข้อมูลและ/หรือพนักงานที่ปฏิเสธและ/หรือแจ้งเรื่องการคอร์รัปชันที่เกี่ยวข้องกับบริษัททั้งด้านหน้าที่การงาน การลงโทษ หรือการดำเนินการใด ๆ ที่จะก่อให้เกิดผลร้ายต่อพนักงาน
  5. บริษัทมีนโยบายที่จะไม่ลดตำแหน่ง ลงโทษ หรือให้ผลทางลบต่อบุคลากรภายในที่ปฏิเสธการให้ สินบน แม้ว่าการกระทำนั้นจะทำให้บริษัทสูญเสียทางธุรกิจก็ตาม
  6. บริษัทกำหนดให้มีการสื่อสารนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน ผ่านช่องทางการสื่อสารของบริษัทอย่างต่อเนื่อง อาทิจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เว็บไซต์บริษัท บอร์ดประกาศ เป็นต้น รวมถึงจัดให้มีการอบรมเกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชันให้กับกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท
  7. บริษัทให้ความสำคัญในการเผยแพร่ส่งเสริมความรู้และความเข้าใจกับบุคคลอื่นที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ เกี่ยวข้องกับบริษัท เช่น คู่ค้า ผู้มีส่วนได้เสียภายนอก รวมถึงตัวแทนและ/หรือผู้จัดจำหน่าย
    เพื่อนำไปสู่การสร้างจิตสำนึกที่ดี
  8. เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดีในการดำเนินธุรกิจบริษัทได้กำหนดนโยบายงดรับของขวัญในช่วงเทศกาล
    ปีใหม่และโอกาสอื่น ๆ รวมถึงไม่มีนโยบายจ่ายเงินค่าอำนวยความสะดวกในรูปแบบใด ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อแลกกับการอำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจ

เพื่อให้เกิดความชัดเจนในการปฏิบัติงานตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชัน และป้องกันความ เสี่ยงที่อาจจะเกิดการคอร์รัปชัน กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความระมัดระวังในเรื่องต่อไปนี้

แนวปฏิบัติการให้ของขวัญ

กรรมการ ผู้บริหารและพนักงาน สามารถให้ของขวัญ ของที่ระลึกหรือประโยชน์อื่นใดแก่ผู้มีส่วนได้
เสียได้ โดยต้องเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  1. การให้ตามประเพณีที่ได้รับการยอมรับโดยสังคมและต้องไม่ขัดกฎหมาย เช่น สำหรับประเทศไทย มูลค่าของของขวัญต้องไม่เกิน 3,000 บาท ต่อคนต่อโอกาสตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ
  2. ของขวัญต้องไม่เป็นเงินสดหรือมีค่าเทียบเท่าเงินสด เช่น บัตรกำนัลหรือบัตรของขวัญ
  3. ของขวัญหรือของที่ระลึกจะต้องเป็นสินค้าที่ช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของบริษัท เช่น สินค้าที่ใช้เป็น
    สื่อประชาสัมพันธ์ของบริษัท สินค้าโครงการหลวง โครงการในพระราชดำริ สินค้าชุมชน หรือสินค้าที่ สนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน
  4. การให้ของขวัญต้องเป็นการให้ในนามของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่ในนามของกรรมการ ผู้บริหารหรือ พนักงานของบริษัท
  5. การให้ของขวัญต้องเหมาะสมกับบริบท มีมูลค่าที่เหมาะสม และถูกต้องตามสถานการณ์ เช่น การให้ของขวัญในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท การเฉลิมฉลองครบรอบของบริษัท และในกรณีที่อยู่ระหว่างการประกวดราคา ควรงดการให้ของขวัญกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  6. การให้ของขวัญต้องไม่มีเจตนาร้ายหรือเป็นการกระทำเพื่อครอบงำ ชักนำ หรือตอบแทนบุคคลใด เพื่อเข้าไปเกี่ยวข้องหรือให้เพื่อได้มาซึ่งความได้เปรียบผ่านการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือให้เพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์
  7. ไม่ให้ของขวัญของที่ระลึก ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดแก่คู่สมรส บุตร หรือผู้เกี่ยวข้องของ เจ้าหน้าที่รัฐ ลูกค้า คู่ค้า หรือบุคคลที่ติดต่อด้วย เนื่องจากโดยพฤติการณ์อาจถือว่าเป็นการรับแทน
  8. การให้ของขวัญต้องได้รับการขออนุมัติเบิกจ่ายและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัท เท่านั้น

แนวปฏิบัติการรับของขวัญ

บริษัทประกาศนโยบายงดรับของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ และโอกาสอื่นๆ เพื่อสร้างบรรทัดฐานที่ดี
ในการดำเนินธุรกิจ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทต้องชี้แจงให้คู่ค้า ผู้มีส่วนได้เสียภายนอก รวมถึงตัวแทนและ/หรือผู้จัดจำหน่ายทราบถึงนโยบายงดรับของขวัญและขอความร่วมมือในการปฏิบัติตาม
อย่างต่อเนื่อง

  1. กำหนดให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท งดรับสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใดจากคู่ค้า
    ผู้มีส่วนได้เสียภายนอก รวมถึงตัวแทน และ/หรือผู้จัดจำหน่าย หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัท
  2. กรณีที่จำเป็นต้องรับสิ่งของหรือประโยชน์อื่นใดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ เช่น คู่ค้า ผู้มีส่วนได้เสีย ภายนอก รวมถึงตัวแทนและ/หรือผู้จัดจำหน่ายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทไม่ทราบถึงนโยบาย งดรับของขวัญ และนำสิ่งของมามอบให้หรือกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เพื่อรักษาสัมพันธภาพที่ดีกับบุคคลหรือองค์กรนั้น ๆ กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทต้องปฏิบัติดังนี้
    • ให้พนักงานระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไปเป็นผู้แทนในการรับ
    • เมื่อรับสิ่งของแล้วให้นำส่งสิ่งของพร้อมแบบรายงานการให้/รับของขวัญหรือประโยชน์อื่นใด
      ไปยังแผนกทรัพยากรบุคคลทันที
    • แผนกทรัพยากรบุคคลจะดำเนินการลงบันทึกการรับของขวัญหรือประโยชน์อื่นใดและ รับผิดชอบในการรวบรวมสิ่งของดังกล่าว เพื่อบริจาคให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกเพื่อการกุศลหรือสาธารณประโยชน์ กรณีเป็นของบริโภคที่หมดอายุภายใน 1 เดือน ให้ดำเนินการแจกจ่ายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร พนักงานตามความเหมาะสม
  3. อนุญาตให้กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน รับของชำร่วยที่มีมูลค่าไม่เกิน 500 บาท เช่น ปฏิทิน พวงกุญแจ ปากกา สมุดบันทึก และของชำร่วยที่มีตราสัญลักษณ์ขององค์กร โดยให้พนักงานระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไปเป็นผู้แทนในการรับ จากนั้นให้นำสิ่งของพร้อมแบบรายงานการให้/รับ ของขวัญหรือประโยชน์อื่นใดไปยังแผนกทรัพยากรบุคคล เพื่อพิจารณาและดำเนินการแจกจ่ายให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร พนักงาน ตามความเหมาะสม
  4. กรณีที่บริษัทฯ ได้รับรางวัล ของที่ระลึก หรือสิ่งของใดๆ จากการประกวดแข่งขัน เช่น การทำสัญญากับพันธมิตรทางธุรกิจ การได้รับรางวัลยกย่องชมเชยผลงานของบริษัทฯ การได้รับรางวัลการประกวด นโยบายงดรับของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ บริษัทสามารถรับสิ่งของนั้นในนามขององค์กรได้
    โดยมอบหมายให้พนักงานระดับผู้จัดการแผนกขึ้นไปเป็นผู้แทนในการรับ ทั้งนี้สิ่งของดังกล่าวจะถือเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ

แนวปฏิบัติการเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ

กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท สามารถเลี้ยงรับรองและให้บริการต้อนรับแก่คู่ค้า ผู้มีส่วน
ได้เสียภายนอก รวมถึงตัวแทนและ/หรือผู้จัดจำหน่ายหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทได้โดยต้องเข้าเงื่อนไขดังต่อไปนี้

  1. การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ ต้องเป็นการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการดำเนินธุรกิจ เช่น การเลี้ยงรับรองในรูปแบบอาหารและเครื่องดื่มหรือการให้บริการต้อนรับในรูปแบบการกีฬา
  2. การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ ต้องเป็นการกระทำในนามของบริษัทเท่านั้น ไม่ใช่ในนามของกรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท
  3. การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ ต้องมีมูลค่าที่เหมาะสมและถูกต้องตามสถานการณ์ เช่น
    การเลี้ยงรับรองในงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัท การเลี้ยงรับรองในโอกาสเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปี ของบริษัท ทั้งนี้กรณีที่บริษัทอยู่ระหว่างการประกวดราคาควรงดการเลี้ยงรับรองและงดการบริการต้อนรับกับเจ้าหน้าที่รัฐหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
  4. การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ ต้องไม่เป็นการเลี้ยงรับรองหรือบริการต้อนรับในสถานที่ที่ไม่เหมาะสม
  5. การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับ ต้องไม่มีเจตนาร้ายหรือเป็นการกระทำเพื่อครอบงำ ชักนำ หรือตอบแทนบุคคลใดเพื่อเข้าไปเกี่ยวข้องหรือให้เพื่อได้มาซึ่งความได้เปรียบผ่านการกระทำที่ไม่เหมาะสมหรือให้เพื่อได้มาซึ่งผลประโยชน์
  6. การเลี้ยงรับรองและการบริการต้อนรับต้องจัดทำบันทึกแบบรายงานการให้/รับของขวัญหรือ ประโยชน์อื่นใด ต้องได้รับการขออนุมัติเบิกจ่ายและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัทเท่านั้น

แนวปฏิบัติการบริจาคเพื่อการกุศล

กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง ดังต่อไปนี้

  1. การใช้เงินหรือทรัพย์สินของบริษัทในการบริจาคเพื่อการกุศลต้องกระทำในนามบริษัทเท่านั้น
  2. การบริจาคเพื่อการกุศลต้องเป็นการบริจาคให้มูลนิธิ องค์กรสาธารณะกุศล วัด โรงพยาบาล โรงเรียน มหาวิทยาลัย สถานพยาบาลหรือองค์กรเพื่อประโยชน์ต่อสังคม
  3. การบริจาคเพื่อการกุศลต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและถูกต้องตามกฎหมาย โดยต้องมั่นใจว่าไม่ได้ถูก นำไปใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการให้และรับสินบน
  4. การขออนุมัติบริจาคเพื่อการกุศล ให้แผนกทรัพยากรบุคคลมีหน้าที่รับเรื่องจากผู้ขอรับบริจาคและตรวจสอบเอกสารต่างๆ จากมูลนิธิ องค์กรสาธารณะกุศล และหน่วยงานของรัฐ ดังนี้
    • หนังสือขอรับบริจาค ระบุรายการ จำนวน และวัตถุประสงค์
    • ภาพถ่าย แปลน แบบ สิ่งปลูกสร้างของสถานที่ขอรับบริจาค
    • เอกสารการจัดตั้งองค์กรที่ขอรับบริจาค (ถ้ามี)
    • ตรวจสอบจำนวนสินค้า จำนวนเงินที่ขอรับบริจาคเป็นไปตามเหตุผลข้อเท็จจริงของโครงการ ที่รับบริจาคและนำรายงานและขออนุมัติต่อผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัท
    • เมื่อได้รับอนุมัติการบริจาคเพื่อการกุศลจากผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัท ให้แผนกทรัพยากร บุคคลประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อส่งมอบทรัพย์สินให้กับผู้ขอรับบริจาคและในการส่งมอบทรัพย์สินให้ทำการส่งมอบพร้อมถ่ายภาพ กรณีที่ไม่ได้รับอนุมัติการบริจาคเพื่อการกุศลจากผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัทให้แผนกทรัพยากรบุคคลแจ้งเหตุผลให้ผู้ขอรับบริจาคทราบต่อไป
    • เอกสารประกอบการบริจาคให้แผนกทรัพยากรบุคคล ส่งเอกสารการบริจาคทั้งหมดให้แผนก บัญชีเก็บไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการตรวจสอบจากกรมสรรพากร ได้แก่
      • หนังสือขอรับบริจาค
      • ภาพถ่าย แปลน แบบ สิ่งปลูกสร้างของสถานที่ขอรับบริจาค
      • เอกสารการจัดตั้งองค์กรที่ขอรับบริจาค (ถ้ามี)
      • หนังสือขอบคุณ หรือใบอนุโมทนาบัตร หรือใบเสร็จรับเงิน โดยให้ระบุชื่อ-ที่อยู่ของ ผู้รับการบริจาค รายการ และจำนวนเงิน ลงชื่อผู้มีอำนาจอย่างถูกต้อง เพื่อให้ถือเป็นรายจ่ายของบริษัทได้ตามประมวลรัษฎากร
  1. ให้แผนกทรัพยากรบุคคลตรวจสอบภายหลังการบริจาคเพื่อการกุศลว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่ขอ มาหรือไม่ เพื่อเป็นข้อมูลในการบริจาคครั้งต่อไป
  2. หากพบว่ามีรายการใดผิดปกติหรือมีการปฏิบัติที่ส่อไปในทางคอร์รัปชัน ให้รายงานต่อประธานกรรมการหรือกรรมการผู้จัดการทราบทันที
  3. หากตรวจสอบพบว่าพนักงานคนหนึ่งคนใด หรือกลุ่มบุคคลใด เจตนาทุจริตในการนำเงินสด/ ทรัพย์สิน/สินค้า/วัสดุ ไปบริจาคเพื่อการกุศลหรือหากตรวจสอบแล้วพบว่าการบริจาคมีการกระทำที่ส่อไปในทางคอร์รัปชัน ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายพนักงานหรือกลุ่มบุคคลนั้นต้องรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมดจะถูกพิจารณาเรื่องวินัยและลงโทษทางวินัยอย่างร้ายแรงตามระเบียบของบริษัท

แนวปฏิบัติการให้เงินสนับสนุน

กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ต้องปฏิบัติด้วยความระมัดระวัง ดังต่อไปนี้

  1. การให้เงินสนับสนุนนั้น ต้องมั่นใจว่าไม่ได้ถูกนำไปใช้เพื่อเป็นข้ออ้างในการให้และรับสินบน
  2. กรรมการ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท ต้องไม่เป็นตัวกลางในการเสนอเงิน ทรัพย์สิน สิ่งของ หรือประโยชน์อื่นใดกับผู้ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของบริษัทรวมถึงหน่วยงานราชการเพื่อแลกกับสิทธิพิเศษที่ไม่ควรได้หรือทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐละเว้นการปฏิบัติตามกฎระเบียบข้อบังคับและข้อปฏิบัติทางกฎหมายที่กำหนดไว้
  3. การติดต่องานกับหน่วยงานราชการจะต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสและต้องดำเนินการให้เป็นไปตาม กฎหมายที่เกี่ยวข้องและห้ามให้และรับสินบนในการดำเนินธุรกิจทุกชนิด
  4. การให้เงินสนับสนุนนั้นต้องพิสูจน์ได้ว่าผู้ขอเงินสนับสนุนได้ทำกิจกรรมตามโครงการดังกล่าวจริงและเป็นการดำเนินการเพื่อสนับสนุนให้วัตถุประสงค์ของโครงการประสบผลสำเร็จ เพื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ธุรกิจ ตราสินค้าของบริษัท หรือเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของการดำเนินการงานด้วยความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างแท้จริง
  5. การใช้เงินหรือทรัพย์สินของบริษัท เพื่อสนับสนุนโครงการต้องระบุชื่อในนามบริษัทเท่านั้น
    โดยการให้เงินสนับสนุน ต้องมีวัตถุประสงค์เพื่อธุรกิจให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงที่ดีของบริษัทฯ ทั้งนี้การเบิกจ่าย ต้องระบุวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน มีหลักฐานที่ตรวจสอบได้และดำเนินการผ่านขั้นตอนตามระเบียบของบริษัท
  6. ให้ผู้ขอเงินสนับสนุนขออนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัท โดยระบุชื่อผู้รับเงินสนับสนุน รายละเอียดและวัตถุประสงค์ของการสนับสนุนพร้อมแนบเอกสารประกอบดังนี้
    • หนังสือแจ้งความประสงค์การขอเงินสนับสนุน ระบุจำนวนเงิน หรือทรัพย์สินที่ขอสนับสนุน
    • เอกสารการจัดตั้งองค์กรของผู้รับการสนับสนุน เช่น หนังสือรับรองการจัดตั้งบริษัท
    • หลักการ เหตุผล เป้าหมายและวัตถุประสงค์ของโครงการ
    • ภาพถ่ายกิจกรรมประชาสัมพันธ์ธุรกิจ ตราสินค้า (ถ้ามี)
  7. การให้เงินสนับสนุนต้องได้รับการขออนุมัติเบิกจ่ายและได้รับอนุมัติจากผู้มีอำนาจอนุมัติของบริษัท เท่านั้น

การจัดซื้อจัดจ้างและการจ้างบุคคลที่สาม

การจัดซื้อจัดจ้างจะต้องปฏิบัติตามระเบียบของบริษัทและต้องดำเนินการด้วยความโปร่งใส สามารถ ตรวจสอบได้ถูกต้องตามกฎหมายไม่มีผลประโยชน์อื่นแอบแฝงและการใช้บุคคลที่สามเพื่อติดต่องานกับเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือหน่วยงานของรัฐจะต้องไม่เป็นการผ่องถ่ายการให้สินบนแก่บุคคลที่สาม

การจัดทำบัญชีและการจัดเก็บเอกสาร

  1. การจัดเก็บรักษาเอกสารทางบัญชี จะเก็บตาม พ.ร.บ.บัญชีปี 2543 และตามกฎหมายภาษีอากรโดยแยกเป็นหมวดหมู่เก็บลงกล่อง โดยจัดเก็บไว้ที่ตั้งสำนักงานใหญ่ (แผนกบัญชี)
  2. บริษัทมีการควบคุมการจัดเก็บเอกสารทางบัญชีอย่างเพียงพอและปลอดภัย เพื่อใช้ในการตรวจสอบได้ทันทีมีความควบคุมการเข้าถึงข้อมูลทางบัญชีและมีการจัดเก็บไฟล์ข้อมูลสำรองอย่างปลอดภัย
  3. ระยะเวลาในการจัดเก็บเอกสารทางการเงินและหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี แต่ไม่เกิน 7 ปี นับตั้งแต่วันที่ได้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีหรือวันทำรายงานหรือวันปิดบัญชีแล้วแต่กรณี
  4. บริษัทได้บันทึกบัญชีและจัดทำงบการเงินเพียงชุดเดียว (บัญชีชุดเดียว) สอดคล้องกับแบบยื่นบัญชีตามมาตรา 69 แห่งประมวลรัษฎากร

ช่องทางการแจ้งเบาะแส

บริษัทมีช่องทางในการแจ้งเบาะแสเพื่อให้พนักงานและผู้เกี่ยวข้องสามารถรายงานกรณีพบเห็นการ กระทำความผิดหรือพบเหตุสงสัยกรณีมีการคอร์รัปชันในกระบวนการแจ้งเบาะแส ผู้แจ้งเบาะแสควรระบุรายละเอียดเกี่ยวกับเหตุการณ์รวมถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องเช่น วันที่ เวลา สถานที่ บุคคลที่เกี่ยวข้อง และเอกสารหรือหลักฐานที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี) ผ่านช่องทางของบริษัท ดังนี้

ส่งจดหมายทางไปรษณีย์

ติดต่อ:  บริษัท เค.อาร์.ซี.เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด สำนักงานใหญ่

ที่อยู่:     เลขที่ 305/129 ถนนพิชัย แขวงถนนนครไชยศรี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร 10300

จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail)

Email:  [email protected]

บนเว็บไซต์

Website: www.krcengineering.com

สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

Website: https://wbs.nacc.go.th/

มาตรการคุ้มครองผู้ร้องเรียน หรือผู้แจ้งเบาะแสการกระทำผิด

พนักงาน ลูกค้า หรือบุคคลภายนอก หรือผู้มีส่วนได้เสีย ที่แจ้งเรื่องร้องเรียน แจ้งเบาะแส โดยความสุจริตใจจะได้รับการคุ้มครองที่เหมาะสมดังนี้

  1. บริษัทฯ จะเก็บข้อมูลและตัวจนของผู้ที่ร้องเรียน ผู้แจ้งเบาะแส และผู้ถูกร้องเรียน เป็นความลับ
  2. หากกรณีที่บริษัทฯ มีความจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูล บริษัทจะเปิดเผยข้อมูลเฉพาะที่จำเป็นเท่านั้น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยและความเสียหายของผู้ร้องเรียนและผู้แจ้งเบาะแส
  3. หากการแจ้งเบาะแส ข้อร้องเรียน ให้ถ้อยคำหรือให้ข้อมูลใด ๆ ที่พิสูจน์ได้ว่ากระทำโดยเจตนาไม่สุจริต กรณีเป็นพนักงานของบริษัท จะได้รับการลงโทษทางวินัย แต่หากเป็นบุคคลภายนอกที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย ทางบริษัทฯ จะพิจารณาดำเนินคดีกับบุคคลนั้น ๆ

 

 

กระบวนการพิจารณาข้อร้องเรียน

  1. บริษัทมีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียน ประกอบด้วยผู้แทนจากฝ่ายบริหาร
    ฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายตรวจสอบภายใน และฝ่ายทรัพยากรบุคคล โดยกำหนดบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการ พิจารณาข้อร้องเรียนดังนี้

ฝ่ายบริหาร มีหน้าที่ในการดูแลและสนับสนุนการดำเนินงานของคณะกรรมการพิจารณาข้อ ร้องเรียน และประสานงานกับฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กร

ฝ่ายกฎหมาย มีหน้าที่ในการตรวจสอบความถูกต้องและความเป็นธรรมของข้อร้องเรียนรวมถึงให้ คำปรึกษาด้านกฎหมาย

ฝ่ายตรวจสอบภายใน มีหน้าที่ในการสืบสวนและรวบรวมหลักฐานที่เกี่ยวข้อง ฝ่ายทรัพยากรบุคคล
มีหน้าที่ในการดูแลและให้การสนับสนุนพนักงานที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการ จัดการข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้น

  1. หลังจากที่ได้รับข้อร้องเรียน ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบันทึกรับข้อร้องเรียนในระบบ และยืนยันการ รับข้อร้องเรียนต่อผู้แจ้งเบาะแสภายใน 3 วันทำการ
  2. คณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนต้องเริ่มต้นพิจารณาข้อร้องเรียนและสืบสวนภายใน 10 วันทำการนับจากวันที่ได้รับข้อร้องเรียน
  3. คณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนต้องดำเนินการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลให้เสร็จสิ้นภายใน 30 วันทำการนับจากวันที่ได้รับข้อร้องเรียน
  4. คณะกรรมการพิจารณาข้อร้องเรียนต้องแจ้งผลการพิจารณาให้ผู้ร้องเรียนทราบภายใน 14 วันทำการนับจากวันที่เสร็จสิ้นการสืบสวน ทั้งนี้หากการสืบสวนต้องใช้เวลามากกว่าที่กำหนด คณะกรรมการ พิจารณาข้อร้องเรียนต้องแจ้งให้ผู้ร้องเรียนทราบถึงความคืบหน้าและระยะเวลาที่คาดว่าจะเสร็จสิ้นการพิจารณา

การพิจารณาโทษ

กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัท หากผู้ใดละเลยละเว้นและเจตนาที่จะไม่ปฏิบัติตามนโยบายต่อต้านคอร์รัปชันถือว่าผิดวินัยอย่างร้ายแรงจะได้รับโทษตามข้อบังคับหรือระเบียบของบริษัทที่ได้กำหนดไว้
หากความผิดนั้นเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย บริษัทจะพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องบริษัทกำหนดให้ผู้บริหารตลอดพนักงานใช้นโยบายต่อต้านคอร์รัปชันเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน (ไม่มีข้อยกเว้น)

 

การทบทวนและปรับปรุงแนวปฏิบัติสำหรับการต่อต้านคอร์รัปชัน

แนวปฏิบัติสำหรับการต่อต้านคอร์รัปชันฉบับนี้ อยู่ภายใต้การดูแลของต่อต้านคอรร์ปชันโดยบริษัทกำหนดให้มีการทบทวนและปรับปรุงคู่มือฉบับนี้เป็นประจำทุก 3 ปี (ช่วงเดือนกุมภาพันธ์) หรือเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญซึ่งกระทบต่อการบริหารความเสี่ยงและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มั่นใจว่าคู่มือเป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมายอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องการปรับปรุงต่อต้านคอร์รัปชันต้องได้รับการพิจารณาอนุมัติจากคณะกรรมการต่อต้านคอร์รัปชันและประธานกรรมการและมีการสื่อสารแนวทางปฏิบัติฯ ที่ได้รับการปรับปรุงดังกล่าวให้ทราบโดยทั่วกันทั้งบริษัท

ประกาศและมีผลบังคับใช้วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2567

(นายมนตรี กิจรุ่งเรื่องกูล)
ประธานกรรมการ
บริษัท เค.อาร์.ซี.เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด